อุทกภัยและผลกระทบ ของ อุทกภัยในประเทศปากีสถาน พ.ศ. 2553

อุทกภัย

ภาพดาวเทียมของหุบแม่น้ำสินธุตอนบน เปรียบเทียบระดับน้ำเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552 (บน) กับ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 (ล่าง)

ฝนฤดูมรสุมพยากรณ์ว่าจะตกต่อไปจนถึงต้นเดือนสิงหาคม และบรรรยายว่าเลวร้ายที่สุดในพื้นที่นี้ใน 80 ปีหลัง[22] กรมอุตุนิยมวิทยาปากีสถานรายงานว่ามีฝนตกเกิน 200 มิลลิเมตรในช่วง 24 ชั่วโมงในแคว้นไคเบอร์ปัคตูนควาและรัฐปัญจาบ[23] ฝนตกทำลายสถิติ 274 มิลลิเมตรในเปศวาร์ในช่วง 24 ชั่วโมง[24] สถิติครั้งก่อน คือ 187 มิลลิเมตรในเดือนเมษายน พ.ศ. 2552[25] จนถึงวันที่ 30 กรกฎาคม มีประชาชนมากกว่า 500,000 คนต้องย้ายออกจากบ้าน[22] วันที่ 30 กรกฎาคม Manuel Bessler หัวหน้าสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ แถลงว่ามี 36 เขตได้รับผลกระทบ และมีประชาชนเดือดร้อน 950,000 คน[26] แม้เพียงหนึ่งวัน ตัวเลขรายงานได้เพิ่มขึ้นเป็นสูงถึงหนึ่งล้านคน[27] และจนถึงกลางเดือนสิงหาคม ทางสำนักงานฯ ได้เพิ่มตัวเลขเป็นเกือบ 20 ล้านคนได้รับผลกระทบ[28]

จนถึงกลางเดือนสิงหาคม ตามข้อมูลของคณะกรรมการอุทกภัยกลางของรัฐ อุทกภัยครั้งนี้ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,540 คน ขณะที่อีก 2,088 คนได้รับบาดเจ็บ บ้านเรือนถูกทำลายไป 557,226 หลัง และอีกมากกว่า 6 ล้านคนพลัดถิ่น[21] หนึ่งเดือนให้หลัง ตัวเลขได้เพิ่มขึ้นเป็นเสียชีวิต 1,781 คน ได้รับบาดเจ็บ 2,966 คน และบ้านเรือนมากกว่า 1.89 ล้านหลัง ถูกทำลาย[1]

รัฐมนตรีสารสนเทศรัฐไคเบอร์-ปัคตุนควา Mian Iftikhar Hussain ว่า "โครงสร้างพื้นฐานของรัฐนี้ถูกทำลายลงแล้วจากการก่อการร้าย อะไรก็ตามที่หลงเหลืออยู่ถูกอุทกภัยครั้งนี้ทำลายสิ้น"[29] เขายังเรียกอุทกภัยนี้ว่า "หายนะครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของเรา"[30] ชาวปากีสถานสี่ล้านคนถูกทิ้งให้ขาดแคลนอาหาร[31]

ทางหลวงคอราคอรัม ซึ่งเชื่อมปากีสถานกับจีน ปิดลงหลังสะพานถูกทำลาย[32] อุทกภัยทำลายล้างที่กำลังดำเนินอยู่ในปากีสถานจะมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประชาชนที่ด้อยโอกาสอยู่แล้ว ตามข้อมูลของคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ นอกเหนือไปจากความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากอุทกภัยแล้ว น้ำที่มากับอุทกภัยได้ทำลายโครงสร้างพื้นฐานสาธารณสุขไปมากในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ทิ้งให้ผู้อยู่อาศัยเผชิญกับโรคที่มากับน้ำ[33] ในรัฐสินธ์ แม่น้ำสินธุล้นฝั่งใกล้กับเมือง Sukkur เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม และจมหมู่บ้านแห่งหนึ่ง[31] กฎหมายและความสงบเรียบร้อยหมดไป ในรัฐสินธ์เป็นหลัก โจรฉวยโอกาสน้ำท่วมนั้นปล้นสะดมบ้านที่ถูกทิ้งโดยใช้เรือ[34]

พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ จนถึงวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ในต้นเดือนสิงหาคม อุทกภัยที่หนักที่สุดได้เลื่อนลงมาทางใต้ตามแม่น้ำสินธุจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงทางเหนือไปยังรัฐปัญจาบตะวันตก ที่ซึ่งพื้นที่เกษตรกรรมอย่างน้อย 1.4 ล้านเอเคอร์ถูกทำลาย[31] และมุ่งต่อไปยังรัฐสินธ์ทางใต้[35] พืชผลที่ได้รับผลกระทบมีฝ้าย อ้อย ข้าว ถั่ว ยาสูบและอาหารสัตว์ น้ำที่มากับอุทกภัยและฝนได้ทำลายฝ้าย 700,000 เอเคอร์, ข้าวและอ้อยอย่างละ 200,000 เอเคอร์, ข้าวสาลี 500,000 ตัน และอาหารสัตว์ 300,000 เอเคอร์[36][37] ตามข้อมูลของสมาคมคนปั่นฝ้ายแห่งปากีสถาน (Pakistan Cotton Ginners Association) อุทกภัยครั้งนี้ได้ทำลายฝ้ายไป 2 ล้านมัด ซึ่งทำให้ราคาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มขึ้น[38][39] พลเมือง 170,000 คน (หรือ 70% ของประชากร) ของเมืองประวัติศาสตร์ Thatta ในรัฐสินธ์ หนีน้ำเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม[40]

จนถึงปลายเดือนกันยายน ระดับน้ำโดยทั่วไปเริ่มลดลง แม้ในบางพื้นที่ เช่นรัฐสินธ์ มีรายงานเกิดอุทกภัยรอบใหม่ ประชาชนพลัดถิ่นส่วนใหญ่ยังไม่สามารถกลับบ้านได้[1]

ผลที่ตามมา

โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของปากีสถานได้รับผลกระทบรุนแรงจากอุทกภัย ซึ่งได้สร้างความเสียหายแก่สายส่งไฟฟ้าและหม้อแปลงไฟฟ้า สายป้อนและโรงกำเนิดไฟฟ้า 10,000 แห่งในบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย น้ำนั้นได้จมโรงกำเนิดไฟฟ้ากว่า 150 แห่งในกิลกิต ความเสียหายดังกล่าวทำให้ขาดแคลนพลังงานไป 3.135 จิกะวัตต์[41]

หน่วยงานให้ความช่วยเหลือเตือนว่าอาจเกิดโรคระบาด (เช่น กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ ท้องร่วงและโรคผิวหนัง) เนื่องจากการขาดแคลนน้ำดื่มสะอาดและการสุขาภิบาลเป็นความเสี่ยงร้ายแรงใหม่ของผู้ประสบอุทกภัย[42][43] วันที่ 14 สิงหาคม มีรายงานผู้ป่วยอหิวาตกโรครายแรกเกิดขึ้นในเมืองมินโกรา ทำให้เกิดความกลัวแก่ผู้ประสบอุทกภัยนับล้านคน ผู้ซึ่งทรมานจากโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบและท้องร่วงอยู่ก่อนแล้ว[44][45][46] ปากีสถานยังเผชิญกับการระบาดของมาลาเรีย[47]

กาชาดสากลรายงานว่า สรรพาวุธที่ไม่ระเบิด เช่น ทุ่นระเบิดและกระสุนปืนใหญ่ ถูกพัดพาตามกระแสน้ำโดยอุทกภัยจากพื้นที่ในกัศมีร์และวาซิริสถานเหนือ และกระจัดกระจายกันอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งเป็นความเสี่ยงในอนาคตแก่ผู้อยู่อาศัยเมื่อกลับมา[48]

สหประชาชาติประเมินว่าประชาชน 800,000 คนถูกตัดขาดจากโลกภายนอกจากอุทกภัยในปากีสถาน และสามารถเข้าถึงได้ทางอากาศเท่านั้น นอกจากนี้ ยังแถลงว่ามีความต้องการเฮลิคอปเตอร์เพิ่มอีกอย่างน้อย 40 ลำเพื่อลำเลียงความช่วยเหลือช่วยชีวิตแก่ประชาชนที่สิ้นหวังมากขึ้น ประชาชนที่ถูกตัดขาดมากนั้นอยู่ในเขตภูเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือ ที่ซึ่งถนนและสะพานถูกพัดพาไปกับกระแสน้ำ[49]

แหล่งที่มา

WikiPedia: อุทกภัยในประเทศปากีสถาน พ.ศ. 2553 http://www.bloomberg.com/news/2010-08-12/wheat-sto... http://www.businessweek.com/news/2010-08-12/india-... http://www.businessweek.com/news/2010-08-12/pakist... http://edition.cnn.com/2010/WORLD/asiapcf/08/12/pa... http://www.csmonitor.com/World/Asia-South-Central/... http://www.dawn.com/wps/wcm/connect/dawn-content-l... http://www.dawn.com/wps/wcm/connect/dawn-content-l... http://www.dawn.com/wps/wcm/connect/dawn-content-l... http://ecology.com/ecology-today/2010/08/03/extrem... http://www.einnews.com/login.php?redir=/news.php?w...